Custom Search

MBA Holiday

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ห้าวิธีที่ผู้จัดการสามารถใช้ประโยชน์จากการจำลองสถานการณ์เพื่อรับมือกับความหายนะ

ตึกที่สูงที่สุดในเมืองนิวออร์ลีน ตึกที่มีความสูง 51 ชั้นและมีค่าเช่าราคาแพงลิ่ว เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ เลขที่ 1 เชลล์ สแควร์ เนื่องจากบริษัท เชลล์ ออย์ มีหน่วยงานด้านปฏิบัติการหลายหน่วยตั้งอยู่
ณ ที่แห่งนี้ บริษัท เชลล์ เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อว่านิยมใช้เทคนิคที่เรียกว่า การจำลองสถานการณ์ เพื่อคาดคะเนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ และบัดนี้ บริษัท เชลล์ ก็ต้องละทิ้งตึกของตนเอง เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว

แข็งแกร่งรึ ? ก็ไม่เชิง เช่นเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่ส่วนมาก บริษัท เชลล์ ก็มีแผนการเพื่อรับมือกับความหายนะที่เป็นรูปธรรม ซึ่ง บริษัท เชลล์ ก็ได้ใช้แผนนี้เมื่อครั้งที่ถูกถล่มโดยพายุ แคทธรินน่า และการวางแผนครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรที่เลิศหรู แม้จะห่างไกลจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง การจำลองสถานการณ์จะถูกออกแบบมา เพื่อทำให้เห็นว่าการที่เมืองนิวออร์ลีนถูกพายุเฮอริเคนถล่มนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ และการจำลองเสถานะการณ์นี้เองได้ถูกนำมาใช้ในการคาดคะเนความหายนะที่เกิดขึ้นในอดีต คุณไม่สามารถจะหยุดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ สิ่งที่คุณทำได้ก็คือเตรียมรับมือกับมัน ซึ่งบริษัท เชลล์ ( เช่นเดียวกันกับบริษัทอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ ) ก็กำลังดำเนินการอยู่

จุดที่สำคัญกว่าก็คือขณะที่พายุแคทธรินน่า เป็นเสมือนยักษ์ใหญ่ในบรรดาพายุด้วยกัน แต่มันก็เป็นเพียงจุดเล็กๆในเรื่องของการวิเคราะห์ความเสี่ยง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้จัดการทั้งหลายพึงระลึกได้เกี่ยวกับพายุแคทธรินน่าก็คือ ถ้ามันจะทำให้คุณคิดถึงความเสี่ยงอย่างจริงจังขึ้นมา มันจะเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ตัวมันเองก็ไม่ใช่ความเสี่ยงประเภทที่คุณควรจะใส่ใจกับมันนัก

การเข้าใจถึงความเสี่ยงของบริษัทกลายเป็นสิ่งจำเป็นในทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทต่างๆนับพันๆแห่งได้มีการใช้โปรแกรม “ การบริหารความเสี่ยง ” ขณะที่หลายร้อยบริษัทได้แต่งตั้งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลความเสี่ยง สำหรับผู้บริหารระดับสูงที่ได้กระทำสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว ไชโย คุณได้รับรู้แล้วว่าความเสี่ยงเป็นปัจจัยที่ทรงพลังปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนราคาหุ้นของบริษัท และบางครั้งคุณอาจจะมึนงงได้เมื่อรับทราบถึงปริมาณความเสี่ยงที่บริษัทของคุณมีอยู่ สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากก็คือจะมีสักกี่บริษัทที่ไม่ยอมใช้ประโยชน์จากการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะบทเรียนห้าบทที่ทุกบริษัทสามารถนำไปใช้ เพื่อที่จะเข้าใจความเสี่ยงของบริษัทของตนเองให้ดีขึ้น แล้วก็ควบคุมความเสี่ยงเหล่านั้นได้ด้วย



1.เพิ่มพูนจินตนาการของคุณเอง เหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้เกิดความวิบัติได้มากที่สุดก็คือ บรรดาเหตุการณ์ที่ไม่มีใครนึกฝัน Exhibition A 9/11 ความคิดที่ว่าเครื่องบินโดยสารอาจจะบินชนอาคาร World Trade Center เป็นสิ่งที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่ามีความเป็นไปได้ นับเนื่องจากการที่เครื่องบินบินชนตึก Empire State ในอดีต แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือการผสมผสานระหว่างเครื่องบินขนาดใหญ่ที่มีเชื้อเพลิงอยู่เกือบเต็มถังบวกกับผลของการชนตึกซึ่งได้รับการป้องกันเรื่องอัคคีภัยเป็นอย่างดี โดยเข้าชนส่วนที่เป็นคานรับน้ำหนักของตัวตึก จะทำให้ตึกทั้งหลังถล่มลงมาได้ ในอีกแง่หนึ่ง จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถจินตนาการได้ แต่ไม่มีใครทำ

2.สร้างสถานการณ์ ยุทธวิธีในการทำสงครามเย็นก็เริ่มมาจากการจำลองสถานการณ์เช่นกัน จนกระทั่งบัดนี้วิธีการนี้ก็ได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก ถ้านำไปใช้ให้ถูกทางการจำลองสถานการณ์จะช่วยให้บรรดาผู้จัดการทั้งหลายได้เห็นถึงสิ่งสำคัญๆที่เป็นไปได้อย่างนึกไม่ถึง ในกรณีของบริษัท เชลล์ ที่เลื่องลือมากก็คือการหยุดส่งน้ำมันของประเทศอาหรับ ในช่วงทศวรรษที่ 1970 สิ่งสำคัญที่อยากเน้นคือไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ ที่จะบอกผู้จัดการของบริษัท เชลล์ ว่าจะมีการหยุดส่งน้ำมันเกิดขึ้น นี่คือเทคนิคในการจำลองสถานการณ์ ไม่ใช่นอสตราดามุส แต่เหตุการณ์จำลองอันหนึ่งที่กลุ่มยุทธวิธีสร้างขึ้นเกี่ยวกับเหตุเกิดในประเทศซาอุดิ อาระเบีย ที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น เป็นเหตุให้ผู้ผลิตน้ำมันชาติอาหรับหันกลับมาทบทวนราคาน้ำมันที่ตนตั้งเอาไว้ บรรดาผู้จัดการของบริษัท เชลล์ ได้ทำการวิเคราะห์ต่อไปและพบว่าชาติอาหรับที่กำลังโกรธแค้นที่สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนอิสราเอลในกรณีของสงคราม 6 วัน คงเชื่อว่าหากทำการหยุดส่งน้ำมันหรือมีการจำกัดปริมาณน้ำมันแล้ว พวกเขาจะได้รับประโยชน์หลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ย้อนกลับไปอีกครั้ง จะเห็นว่าไม่มีอะไรเลยในแบบฝึกหัดที่จะบอกผู้จัดการของบริษัท เชลล์ ว่าจะมีการหยุดส่งน้ำมัน แต่เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้ทำการบ้าน เขาถึงได้มองเห็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ เขาเหล่านั้นก็อยู่ในสภาวะที่พร้อมกว่าบริษัทคู่แข่งในการตอบโต้ เหมือนกับว่าเขาได้ดูภาพยนตร์เรื่องนั้นมาแล้ว ดังนั้นบริษัท เชลล์ จึงได้ชะลอการขยายโรงกลั่นน้ำมันและหันมาปรับปรุงโรงงานที่มีอยู่ให้สามารถกลั่นน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น ขณะที่คู่แข่งยังไม่เป็นเรื่องเป็นราว จากภาพรวมของอุตสาหกรรมจะเห็นว่าบริษัท เชลล์ ได้มีการจัดการเรื่องสต็อคน้ำมันได้ดีเยี่ยมกว่าผู้ผลิตสำคัญรายอื่นใด
เพื่อให้เข้าถึงวิธีการจำลองสถานการณ์ ให้ตรวจดูว่ามีสิ่งที่คนอื่นทำไว้แล้วบ้างหรือไม่ บริษัท เชลล์ ได้จัดพิมพ์ แนวทางการฝึกประจำปีขึ้น ( www.shell.com/scenarios ) เพื่อให้บริษัทพลังงานทั่วโลกสามารถนำไปใช้ได้ ในฉบับล่าสุดก็ได้กล่าวถึงโลกในอนาคตว่าจะถูกบีบโดยพลังใหญ่ๆสามอย่าง อย่างแรกก็คือ ความต้องการความมีประสิทธิภาพและการแพร่ขยายบทบาทของบริษัททุนนิยม รวมทั้งการที่ตลาดทุนได้มีการเชื่อมต่อถึงกันทั่วโลก อย่างที่สองก็คือ ความต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ชาติกำลังพัฒนากำลังมองหาอนาคตที่มีสันติสุขกว่า และความต้องการหลักประกันความปลอดภัย ขณะที่โลกนี้ดูเหมือนจะอันตรายขึ้นทุกทีๆ พลังผลักดันเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดข้อขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ มันจะกระทบบริษัทของคุณหรือเปล่า ?
ตัวอย่างเหตุการณ์จำลองที่ได้ทำขึ้นอย่างพิถีพิถันเมื่อเร็วๆนี้อีกเรื่องหนึ่ง จะช่วยกระตุ้นให้ใจของคุณเป็นเสมือนมาจากสภาข่าวกรองแห่งชาติเลยทีเดียว ( www.cia.gov/nic) ลองนึกภาพในอนาคตในปี 2020 ยุคโลกาภิวัตน์จะดำเนินต่อไปอย่างสันติและสดใสไหม ถ้าจีนและอินเดียกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ หรือว่าสหรัฐจะยังคงครอบงำระบบระเบียบของโลกต่อไปไหม หรือการขยายตัวของอาวุธนิวเคลียร์ จะทำให้โลกรักษาความสมดุลไว้ได้หรือไม่ อนาคตของบริษัทของคุณคงจะไม่เกินสองขั้นของคำตอบที่ได้จากคำถามดังกล่าว

3. คิดถึงความเป็นไปได้ ลองจินตนาการถึงเหตุการณ์สักเหตุการณ์หนึ่ง แล้วพยายามเอาความเป็นไปได้ สอดแทรกเข้าไป ถ้าไม่ใช้ตัวเลข 0.1 % 3 % 50 % อย่างน้อยก็ควรให้เกี่ยวพันกับเหตุการณ์อื่นๆ ฟังดูชัดเจนดี ปัญหามีอยู่ว่ามันเป็นสิ่งที่ยากสุดๆในชีวิตจริง เพราะสมองของเราไม่ได้เชื่อมต่อกันแบบนั้น นาสซิม นิโคลัส ทาเลป ได้เขียนไว้ในหนังสือชื่อ Fooled by Randomness เขาได้ยกตัวอย่างเอาไว้ตัวอย่างหนึ่งว่า ให้สุ่มถามผู้โดยสารที่สนามบินว่าเขายินดีจะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ในวงเงินประกัน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในกรณีที่เขาเกิดตายด้วยสาเหตุใดๆก็ตามในระหว่างการเดินทาง แล้วก็ให้ถามผู้โดยสารกลุ่มอื่นว่าเขาพร้อมที่จะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ในวงเงินประกัน 1 ล้านเหรียญ ในกรณีที่เขาถูกฆ่าตายโดยผู้ก่อการร้ายในระหว่างการเดินทาง คนส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเพิ่มในกรณีที่สอง ซึ่งดูแล้วก็ไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่ เราเพียงแต่ไม่ได้คิดอย่างมีเหตุผลถึงความเป็นไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทุกคนต้องทำให้มี

4. ใช้พลังของตลาด คุณคงเคยได้ยินเรื่องของความสำเร็จที่น่าทึ่งในตลาดการคาดคะเน สถานที่ที่คนจริงๆใช้เงินจริงๆพนันกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ตลาดประเภทนี้เป็นที่สนใจหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2004 คุณจะตรวจสอบดูก็ได้ทาง In Trade.com ซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย เพื่อดูว่ามีเหตุการณ์ใดที่จะกระทบธุรกิจของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้ In Trade ได้แสดงว่ามีโอกาสประมาณ 17 % ที่กฎหมายประกันสังคมของบุคคลธรรมดาจะถูกประกาศใช้ภายในเดือนธันวาคม 2006
แต่คุณสามารถสร้างตลาดแบบนี้ได้โดยเล็งเฉพาะคำถามที่ต้องการคำตอบจากบรรดาพนักงานของคุณเอง ( ทั่วๆไปแล้วคงจะต้องมีค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากบริษัท ) ฮิวเลท-แพคกาด ใช้ตลาดภายในเพื่อพยากรณ์ยอดขาย ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าที่จะให้ผู้จัดการฝ่ายการตลาดทำ
อิไล ลิลลี่ ใช้ตลาดภายในเพื่อพยากรณ์ความสำเร็จของการวิจัยยา ซึ่งแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ตลาดการคาดคะเนที่ได้รับการออกแบบอย่างดีจะช่วยให้ผู้จัดการได้มองเห็นสิ่งใหม่ๆในความเสี่ยงนั้นๆ และรู้ว่าความเสี่ยงนั้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร

5. สร้างวัฒนธรรมเผชิญหน้ากับความจริง ต้องยอมรับว่าเป็นความฝันอันสูงสุด แต่ส่วนใหญ่ของแนวคิดในเรื่องความเสี่ยงของบริษัทเมื่อเร็วๆนี้ ชอบสมมุติว่าในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญๆที่เราไม่สามารถจะรับมือกับมันได้ แม้จะพยายามใช้จินตนาการถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คุณก็ไม่อาจประสบความสำเร็จอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คำตอบกลายเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างสายฟ้าแลบ และอุปสรรคข้อที่ 1 ที่ไม่น่าเชื่อ แต่ชัดเจนก็คือการไม่ยอมรับว่ามีปัญหา แม้ในกรณีของเมืองนิวออร์ลีน หลังจากถูกถล่มโดยพายุแคทธรินน่า เรายังคงเห็นผู้คนออกมาเต้นรำกันอยู่บนถนนบูร์บอน เขาคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย แนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความเป็นจริง เพื่อให้ข่าวร้ายๆน้อยลง ได้ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของบริษัท ขณะที่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนั้นส่วนใหญ่แล้วควรเริ่มจากเบื้องบนแต่ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเริ่มที่ไหนก็ได้ โทษของการไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนั้นดูเหมือนจะแรงขึ้นทุกทีๆ
ใช้ขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้วคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่พร้อมที่รับมือกับวันพรุ่งนี้ได้มากกว่าคู่แข่งอีก 95 % ของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่นำข้อใดข้อหนึ่งไปใช้เลย ใช้เวลาสัก 7 วัน คุยกับเพื่อนร่วมงาน ทำบัญชีความเสี่ยงของบริษัทของคุณเท่าที่คิดได้ ยุทธวิธี การเงิน การปฏิบัติงาน ชื่อเสียง กฏเกณฑ์ คุณจะไม่คิดถึงความเสี่ยงของบริษัทของคุณอย่างเดิมอีกเลย และผมขอรับรองว่าคุณจะรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ต้องลงมือทำ ก็ขอให้สิ่งนั้นเป็นการตอบสนองสิ่งที่ได้รับจากพายุแคทธรินน่า

0 Comments:

Post a Comment



บทความที่ได้รับความนิยม